โอเชี่ยนมารีน่า ทุ่ม 100 ล้านบาท ขยายที่จอดเรือรับความนิยมเล่นเรือยอช์ทมากขึ้น

นางสุพัตรา อังควินิจวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจโอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ทคลับ พัทยา เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนลงทุนปี 2557 ไม่เกิน 100 ล้านบาท เพื่อขยายที่จอดเรือในโอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ทคลับ ในน้ำเพิ่ม 45 ลำ ซึ่งจะทำให้รองรับเรือได้ทั้งหมด 375 ลำ ซื้อคานเรือ (ทราเวล ลิฟท์) ใหม่ ที่สามารถยกเรือขนาดใหญ่ขึ้น และทำที่จอดเรือบนบกเพิ่ม รองรับแนวโน้มการใช้บริการเช่าที่จอดเรือที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากกลุ่มคนไทย เป็นผลจากกลุ่มคนรุ่นใหม่สนใจเล่นเรือมากขึ้น

นอกจากนี้ยังเตรียมจัดงาน โอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์ 2556 วันที่ 22-24 พ.ย. นี้ ที่โอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ พัทยา เพื่อปลุกกระแสความนิยมการเล่นเรือให้มากขึ้น รวมทั้งตอกย้ำจุดแข็งของโอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ พัทยา ให้ทั่วโลกรับรู้ว่า เป็นท่าจอดเรือยอช์ทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในงานจะมีผู้ประกอบการเรือมาออกบูธ 100 ราย คาดว่าจะมีผู้ชมงานไทยและต่างชาติรวมกันกว่า 3,000 คน เงินสะพัดเพิ่มขึ้น 15% จากการจัดงานปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 90 ล้านบาท

นางวิไลวรรณ ทวิชศรี รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า ปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมายังแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่งอ่าวไทย ได้แก่ พัทยา หัวหิน และเกาะสมุย รวม 8.5 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 10% ในปีนี้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่กลุ่มการท่องเที่ยวทางเรือ ถือเป็นกลุ่มใช้จ่ายสูง พบว่า แต่ละปีจะมีเรือยอช์ทขนาดใหญ่ (ซุปเปอร์ยอช์ท) เข้ามาเที่ยวไทยปีละ 110 ลำ คาดว่าจะเพิ่มเป็น 190 ลำในปี 2558 เติบโต 72.72% ส่วนจำนวนเรือยอช์ทโดยรวมที่แล่นมาจอดในไทย คาดว่าจะมี 2,100 ลำในปี 2558 เพิ่มขึ้น 31.25%

 

แหล่งข่าวจาก posttoday…

สำหรับท่านที่กำลังอยากขายบ้านวันนี้

การประกาศขายบ้านเป็นเรื่องปกติที่พบเห็นทั่วไป สาเหตุของการเปลี่ยนทำเลที่อยู่อาศัยมีมากมายทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความจำเป็นของแต่ละครอบครัว แต่เนื่องจากบ้านเป็นสินค้าเฉพาะ เมื่อจะมีการซื้อขายกันนั้นไม่สามารถจะใช้การแลกเปลี่ยนกันด้วยเงินตามวิธีปกติที่ทำกันเช่นสินค้าทั่วไป ท่านต้องดำเนินการเปลี่ยนแปลงเจ้าของกรรมสิทธิ์ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ที่ดินเท่านั้น สำหรับการขายบ้านนั้นมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมการโอน 2% ของราคาประเมินราชการ ค่าอากร 0.5% ของราคาซื้อขาย ค่าภาษีเงินได้ ขึ้นอยู่กับจำนวนปีที่ถือครอง และราคาประเมินราชการของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% ในกรณีที่ขายบ้านก่อน 5 ปี และเบี้ยปรับของสถาบันการเงิน 1-2 %ในกรณีที่ไถ่ถอนก่อน 3 ปี โดยปกติค่าธรรมเนียมการโอนและค่าอากรจะร่วมกันรับภาระฝ่ายละครึ่งทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ส่วนค่าภาษีทุกชนิดและเบี้ยปรับเป็นหน้าที่ของทางฝ่ายผู้ขาย แต่ก็มิใช่กฎตายตัวเสมอไปสามารถต่อรองกันได้ เรื่องราคาเป็นประเด็นสำคัญ เพราะผู้ขายต้องการขายให้ได้ราคาที่ดีที่สุด สิ่งที่ต้องนำมาประมวลเพื่อใช้ในการตั้งราคาคือ สำรวจราคาคู่แข่ง เปรียบเทียบสภาพบ้านของเรากับของคู่แข่ง ประเมินดูว่าทำเลที่ประกาศขายอยู่นี้มีกำลังซื้อมากหรือน้อย

จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นหรือแย่ลงในทำเลที่ประกาศขายนี้ ถ้าจำเป็นอาจต้องเสียเงินจ้างบริษัทประเมินมาทำการประเมินให้ การทำนิติกรรมที่เป็นธรรมกับทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต้องกำหนดให้ผู้ซื้อวางเงินมัดจำ กำหนดวันรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ชัดเจน กำหนดผู้รับผิดชอบในค่าใช้จ่ายต่างๆ กำหนดวิธีปฏิบัติเมื่อมีการผิดสัญญา ต้องระบุให้ครบถ้วนถึงส่วนควบของบ้านต่างๆที่จะมอบให้แก่ผู้ซื้อ การชำระเงินกันนั้นควรทำเป็นแคชเชียร์เช็ค เพื่อความสะดวกและปลอดภัย โดยการขอสินเชื่อสำหรับผู้ซื้อ ทั่วไปแล้วผู้ขายจะไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องการขอสินเชื่อจะเป็นเรื่องของผู้ซื้อที่จะต้องไปดำเนินการเอง