พาณิชย์ยืนยันผลไม้กระป๋องไทยไม่มีเชื้อเอชไอวี ซัดเป็นการปล่อยข่าวลือในตลาดบรูไน สร้างผลกระทบความน่าเชื่อถือ พร้อมแจ้งความดำเนินคดีผู้ปล่อยข่าวแล้ว

นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ได้รับหนังสือจากสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปขอให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยประชา สัมพันธ์ และหาแนวทางแก้ไขปัญหาข่าวลือเกี่ยวกับผลไม้กระป๋องของไทยปนเปื้อนเชื้อไว รัสเอชไอวี โดยยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีมูลและไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และย้ำว่าผลไม้และอาหารกระป๋องของไทย  ที่ส่งออกไปยังต่างประเทศ จะต้องผ่านการตรวจสอบและรับรองว่าเป็นโรงงานที่ได้มาตรฐานระบบการผลิตที่ดี หรือ GMP และ HACCP ที่มีกระบวนการตรวจสอบและรับรองคุณภาพสินค้าอย่างเคร่งครัด ประกอบกับเชื้อไวรัสเอชไอวีอาศัยหรือทำให้เกิดโรคในคนเท่านั้น เมื่อออกนอกร่างกายคนแล้วจะไม่สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมภายนอกได้ จึงมีชีวิตได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงหรืออย่างมากไม่เกิน 1 วันเท่านั้น

นอกจากนี้ เชื้อไวรัสเอชไอวีติดต่อกันได้เพียง 3 ทาง คือ การได้รับเลือด การมีเพศสัมพันธ์ และการติดต่อจากแม่สู่ลูก ซึ่งการแปรรูปอาหารด้วยการบรรจุกระป๋องมีกรรมวิธีการผลิตที่ใช้ความร้อนสูง ทำให้เชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อโรครวมทั้งไวรัสที่อาจปนเปื้อนมาถูกทำลายหมดสิ้น จึงเป็นไปไม่ได้  ที่จะพบการปนเปื้อนเชื้อไวรัสเอชไอวีอย่างที่เป็นข่าวอย่างแน่นอน วอนผู้บริโภคอย่าหลงเชื่อข่าวลือดังกล่าว

นายสุรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ขณะนี้จะยังไม่เห็นผลต่อตัวเลขการส่งออกผลไม้กระป๋องของไทยไปยังบรูไนที่ เกิดข่าวลือ แต่ผู้ส่งออกไทยควรประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้บริโภคอย่างต่อ เนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมาโดยเร็ว และกระทรวงพาณิชย์จะเร่งประชาสัมพันธ์ไปยังผู้เกี่ยวข้องอีกทางหนึ่งด้วย นอกจากนี้ จากการประสานกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน ประเทศบรูไนดารุสซาลาม ทราบว่า สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้แจ้งความดำเนินคดี เพื่อจับกุมผู้ปล่อยข่าวลือดังกล่าวต่อทางการบรูไนแล้ว เนื่องจากสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของสินค้าไทยเป็นอย่างยิ่ง

“ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจบรูไนอยู่ระหว่างการติดตามผู้กระทำผิดมาลงโทษ ซึ่งทางการไทยจะขอให้บูรไนเพิ่มความเข้มงวดในการจัดการกับการเผยแพร่ข่าวลือ อันเป็นเท็จในลักษณะนี้ และจะติดตามผลความคืบหน้าของคดีดังกล่าวอย่างใกล้ชิดต่อไป”นายสุรศักดิ์ กล่าว

ปัจจุบัน ผลไม้กระป๋องของไทยเป็นที่นิยมในบรูไน ประกอบกับบรูไนมีกำลังซื้อสูง โดยในปี 2555 ไทยส่งออกผลไม้กระป๋องไปยังประเทศบรูไน มูลค่า 45.4 ล้านบาท ส่วนในปี 2556 (ม.ค.-ส.ค.) ส่งออกมูลค่า 41.5  ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.04 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2555

 

 

แหล่งข่าวจาก posttoday…

ฐานราคาประเมินคอนโดมือสองถูกปรับไปเป็นที่ดินตามแนวรถไฟฟ้า

ในช่วงปีนี้นับว่าตลาดบ้านมือสองยังได้รับปัจจัยบวกอยู่มาก ทำให้ตลาดไม่ได้หดตัวไปมากเกิดกว่าที่มีการประมาณการณ์ไว้ โดยในปีนี้ตลาดรวมหดตัวลงประมาณ5-10% สำหรับปัจจัยบวกดังกล่าวซึ่งคาดว่าจะทำให้ตลาดรวมในช่วงปลายปีมียอดขายเพิ่มขึ้นมานั้น คือ การสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นตลาดคอนโดมือสอง ซึ่งจนถึงปัจจุบันนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่าจะไม่ได้รับการพิจารณาต่ออายุการใช้มาตรการต่อไป แม้ว่าผู้ประกอบการในแวดวงบ้านมือสองที่เกี่ยวข้องจะพยายามยื่นเสนอให้ขยายระยะเวลาการใช้มาตรการสนับสนุนออกไปอีก ซึ่งแน่นอนว่าปัจจัยดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบเชิงลบต่อภาพรวมตลาดบ้านมือสอง เพราะเมื่อพิจารณาจากค่าธรรมเนียมการโอน ค่าจดจำนองที่ต้องควักกระเป๋าจ่ายเป็นตัวเลขใหม่ แล้วแตกต่างจากตัวเลขเดิมไม่น้อย

นอกจากนี้ไม่เพียงแต่ค่าธรรมเนียมต่างๆที่เพิ่มขึ้นแบบเท่าตัว แต่ยังมีปัจจัยลบในเรื่องของการปรับฐานราคาประเมินใหม่ของกรมธนารักษ์ ที่จะทำให้ราคาที่ดินในหลายทำเลปรับขึ้นแบบเท่าตัวโดยเฉพาะที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่สายสีแดง สีม่วง และสีน้ำเงิน ที่แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มีความชัดเจนว่าจะก่อสร้างหรือไม่นั้น แต่ฐานราคาประเมินถูกปรับไปเป็นที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าแล้ว ซึ่งมีผลต่อการคิดอัตราค่าธรรมเนียมต่างๆ โดยปัจจัยลบที่เกิดจากปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจโดยรวมในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์หดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าจะมีที่อยู่อาศัยในบางประเภทที่มีอัตราการขยายตัวส่วนทางกับตลาด แต่เมื่อประเมินอัตราการขยายตัวโดยรวมของตลาดแล้ว ก็ยังถือว่าหดตัวลงจากปีที่ผ่านมาอยู่

โดยเฉพาะตลาดบ้านเดี่ยวที่ถือว่ามีการหดตัวลงมากที่ในบรรดาตลาดที่อยู่อาศัย แต่อย่างไรก็ตามตลาดที่อยู่อาศัยใหม่ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ชะลอตัวไม่มากนัก เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดต่ำลงอย่างต่อเนื่องต่างกับตลาดบ้านมือสองที่ได้รับผลกระทบจากการปรับลดลงของดอกเบี้ย ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อคอนโดมือสองของลูกค้าในตลาด เนื่องจากเมื่อดอกเบี้ยปรับตัวลดลงจะทำให้ลูกค้ามีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น และหันไปเลือกซื้อบ้านใหม่เพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน หากดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มขึ้นจะส่งผลดีต่อตลาดบ้านมือสอง เพราะจะส่งผลให้กำลังซื้อลูกค้าลดลงและตัดสินใจเลือกซื้อบ้านมือสอง ซึ่งได้เปรียบทั้งด้านราคาที่ถูกกว่า และสามารถเลือกทำเลได้มากกว่าบ้านใหม่