การประกาศขายบ้านเป็นเรื่องปกติที่พบเห็นทั่วไป สาเหตุของการเปลี่ยนทำเลที่อยู่อาศัยมีมากมายทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความจำเป็นของแต่ละครอบครัว แต่เนื่องจากบ้านเป็นสินค้าเฉพาะ เมื่อจะมีการซื้อขายกันนั้นไม่สามารถจะใช้การแลกเปลี่ยนกันด้วยเงินตามวิธีปกติที่ทำกันเช่นสินค้าทั่วไป ท่านต้องดำเนินการเปลี่ยนแปลงเจ้าของกรรมสิทธิ์ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ที่ดินเท่านั้น สำหรับการขายบ้านนั้นมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมการโอน 2% ของราคาประเมินราชการ ค่าอากร 0.5% ของราคาซื้อขาย ค่าภาษีเงินได้ ขึ้นอยู่กับจำนวนปีที่ถือครอง และราคาประเมินราชการของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% ในกรณีที่ขายบ้านก่อน 5 ปี และเบี้ยปรับของสถาบันการเงิน 1-2 %ในกรณีที่ไถ่ถอนก่อน 3 ปี โดยปกติค่าธรรมเนียมการโอนและค่าอากรจะร่วมกันรับภาระฝ่ายละครึ่งทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ส่วนค่าภาษีทุกชนิดและเบี้ยปรับเป็นหน้าที่ของทางฝ่ายผู้ขาย แต่ก็มิใช่กฎตายตัวเสมอไปสามารถต่อรองกันได้ เรื่องราคาเป็นประเด็นสำคัญ เพราะผู้ขายต้องการขายให้ได้ราคาที่ดีที่สุด สิ่งที่ต้องนำมาประมวลเพื่อใช้ในการตั้งราคาคือ สำรวจราคาคู่แข่ง เปรียบเทียบสภาพบ้านของเรากับของคู่แข่ง ประเมินดูว่าทำเลที่ประกาศขายอยู่นี้มีกำลังซื้อมากหรือน้อย
จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นหรือแย่ลงในทำเลที่ประกาศขายนี้ ถ้าจำเป็นอาจต้องเสียเงินจ้างบริษัทประเมินมาทำการประเมินให้ การทำนิติกรรมที่เป็นธรรมกับทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต้องกำหนดให้ผู้ซื้อวางเงินมัดจำ กำหนดวันรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ชัดเจน กำหนดผู้รับผิดชอบในค่าใช้จ่ายต่างๆ กำหนดวิธีปฏิบัติเมื่อมีการผิดสัญญา ต้องระบุให้ครบถ้วนถึงส่วนควบของบ้านต่างๆที่จะมอบให้แก่ผู้ซื้อ การชำระเงินกันนั้นควรทำเป็นแคชเชียร์เช็ค เพื่อความสะดวกและปลอดภัย โดยการขอสินเชื่อสำหรับผู้ซื้อ ทั่วไปแล้วผู้ขายจะไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องการขอสินเชื่อจะเป็นเรื่องของผู้ซื้อที่จะต้องไปดำเนินการเอง