ในช่วงปีนี้นับว่าตลาดบ้านมือสองยังได้รับปัจจัยบวกอยู่มาก ทำให้ตลาดไม่ได้หดตัวไปมากเกิดกว่าที่มีการประมาณการณ์ไว้ โดยในปีนี้ตลาดรวมหดตัวลงประมาณ5-10% สำหรับปัจจัยบวกดังกล่าวซึ่งคาดว่าจะทำให้ตลาดรวมในช่วงปลายปีมียอดขายเพิ่มขึ้นมานั้น คือ การสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นตลาดคอนโดมือสอง ซึ่งจนถึงปัจจุบันนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่าจะไม่ได้รับการพิจารณาต่ออายุการใช้มาตรการต่อไป แม้ว่าผู้ประกอบการในแวดวงบ้านมือสองที่เกี่ยวข้องจะพยายามยื่นเสนอให้ขยายระยะเวลาการใช้มาตรการสนับสนุนออกไปอีก ซึ่งแน่นอนว่าปัจจัยดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบเชิงลบต่อภาพรวมตลาดบ้านมือสอง เพราะเมื่อพิจารณาจากค่าธรรมเนียมการโอน ค่าจดจำนองที่ต้องควักกระเป๋าจ่ายเป็นตัวเลขใหม่ แล้วแตกต่างจากตัวเลขเดิมไม่น้อย
นอกจากนี้ไม่เพียงแต่ค่าธรรมเนียมต่างๆที่เพิ่มขึ้นแบบเท่าตัว แต่ยังมีปัจจัยลบในเรื่องของการปรับฐานราคาประเมินใหม่ของกรมธนารักษ์ ที่จะทำให้ราคาที่ดินในหลายทำเลปรับขึ้นแบบเท่าตัวโดยเฉพาะที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่สายสีแดง สีม่วง และสีน้ำเงิน ที่แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มีความชัดเจนว่าจะก่อสร้างหรือไม่นั้น แต่ฐานราคาประเมินถูกปรับไปเป็นที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าแล้ว ซึ่งมีผลต่อการคิดอัตราค่าธรรมเนียมต่างๆ โดยปัจจัยลบที่เกิดจากปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจโดยรวมในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์หดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าจะมีที่อยู่อาศัยในบางประเภทที่มีอัตราการขยายตัวส่วนทางกับตลาด แต่เมื่อประเมินอัตราการขยายตัวโดยรวมของตลาดแล้ว ก็ยังถือว่าหดตัวลงจากปีที่ผ่านมาอยู่
โดยเฉพาะตลาดบ้านเดี่ยวที่ถือว่ามีการหดตัวลงมากที่ในบรรดาตลาดที่อยู่อาศัย แต่อย่างไรก็ตามตลาดที่อยู่อาศัยใหม่ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ชะลอตัวไม่มากนัก เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดต่ำลงอย่างต่อเนื่องต่างกับตลาดบ้านมือสองที่ได้รับผลกระทบจากการปรับลดลงของดอกเบี้ย ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อคอนโดมือสองของลูกค้าในตลาด เนื่องจากเมื่อดอกเบี้ยปรับตัวลดลงจะทำให้ลูกค้ามีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น และหันไปเลือกซื้อบ้านใหม่เพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน หากดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มขึ้นจะส่งผลดีต่อตลาดบ้านมือสอง เพราะจะส่งผลให้กำลังซื้อลูกค้าลดลงและตัดสินใจเลือกซื้อบ้านมือสอง ซึ่งได้เปรียบทั้งด้านราคาที่ถูกกว่า และสามารถเลือกทำเลได้มากกว่าบ้านใหม่